ฆ่าโหด 2 ศพยัดใส่ถุงขยะ สาเหตุน่าจะมาจากความหึงหวง

            ที่จังหวัดเชียงใหม่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนพบศพจำนวน 2 ศพอยู่บริเวณกองขยะซึ่งอยู่หลังบ้านหลังหนึ่ง ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปยังบ้านหลังพบว่าบริเวณหลังบ้านมีถุงกองขยะวางอยู่และตรงบริเวณถุงขยะนั้นก็มีศพจำนวน 2 ศพนอนเรียงกัน

อยู่ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นศพของนางสาวกมลทิพย์ซึ่งเป็นของเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวส่วนอีกศพหนึ่งนั้นเป็นของนายเจริญซึ่งเป็นคนสนิทเป็นคนที่รู้จักกันดีกับนางสาวกมลทิพย์จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 ศพนั้นถูกยิงด้วยอาวุธปืนหลังจากนั้นก็นำพลาสติกและถุงขยะมหรสพเอาไว้และนำมาทิ้งที่กองขยะดังกล่าว

ซึ่งทางญาติผู้เสียชีวิตให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีความสงสัยในตัวคนร้ายคนหนึ่งซึ่งเป็นไทยผู้ต้องสงสัยอยู่ในพื้นที่นี้โดยชายคนดังกล่าวนั้นเป็นคนค้ายาเสพติดแต่มาติดพันนางสาวกมลทิพย์ซึ่งนางสาวกมลทิพย์นั้นได้พยายามที่จะมีตัวออกห่างเนื่องจากว่าชายคนดังกล่าวนั้น

มีอารมณ์ค่อนข้างรุนแรงและมาทราบความจริงว่าเป็นผู้ค้ายาจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยและในวันเกิดเหตุนั้นทางญาติของนางสาวกมลทิพย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่าชายหนุ่มที่มาติดพันนางสาวกมลทิพย์นั้นได้ขับรถมาหานางสาวกมลทิพย์ที่บ้าน

โดยบอกกับญาติๆคนอื่นๆว่าจะมาช่วยนางสาวกมลทิพย์ตัดหญ้าทำความสะอาดบ้านแต่หลังจากนั้นก็ถูกนางสาวกมลทิพย์ไล่ให้ออกจากบ้านและมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่ชายคนดังกล่าวไปแล้วได้กลับย้อนรอยมาหานางสาวกมลทิพย์อีกครั้งหนึ่ง

และด้วยความแค้นจึงได้จัดการสังหารนางสาวกมลทิพย์ด้วยการยิงหลังจากนั้นก็นำพลาสติกมาห่อและนำมาทิ้งไว้หลังบ้านซึ่งหลังจากนางสาวกมลทิพย์ตายแล้วใช้คนดังกล่าวจึงได้นำโทรศัพท์มือถือของนางสาวกมลทิพย์นั้นพิมพ์ข้อความไปหานายเจริญ

เพื่อหลอกให้นายเจริญออกมาหาและหลังจากนั้นก็จัดการยิงนายเจริญใต้ตามนางสาวกมลทิพย์ไปเพราะเชื่อว่าชายคนดังกล่าวนั้นน่าจะเกิดความหึงหวงที่นางสาวกมลทิพย์ตีตัวออกห่างและมีนายเจริญมาคอยตามจีบนั่นเองอย่างไรก็ดีตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพยายามติดตามหาตัวชายคนดังกล่าวอยู่

ซึ่งมีการได้รับข่าวเข้ามาว่าเขาได้หนีไปกบดานอยู่กับเพื่อนที่อีกจังหวัดหนึ่งซึ่งอยู่จังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดเชียงใหม่ที่เกิดเหตุนั้นเอง สำหรับนางสาวกมลทิพย์นั้นทางญาติๆให้ข้อมูลว่าเธอเป็นแม่หม้ายลูกติดที่มีลูก 1 คนตอนนี้ยังไม่มีแฟนและมีหนุ่มมาติดพันหลายคนซึ่งนางสาวกมลทิพย์นั้นมีฐานะร่ำรวยและอาศัยอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยฮานอย

กว่าจะมาเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาล 

สลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกพิมพ์ 120 ล้านฉบับต่องวดจะถูกลำเรียงมาเก็บไว้ที่คลังสลากซึ่งเปลี่ยนเสมือนตู้เซฟที่มีมูลค่ามหาศาลกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ห้องนี้ไม่ได้เปิดให้ใครเข้าไปได้ง่ายๆ เป็นเขตหวงห้าม เข้าได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

โดยจะมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุมเพื่อรอเข้าสู่กระบวนการจำหน่าย สลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมดนี้ถูกพิมพ์ขึ้นที่โรงพิมสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลย่านเอกมัย กระดาษที่ใช้ดูเหมือนจะเป็นกระดาษธรรมดาทั่วไปแต่จริง ๆ แล้วเป็นกระดาษเฉพาะที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสั่งผลิตขึ้นเอง

สังเกตดีๆ เมื่อมองด้วยตาเปล่าจะเห็นลายน้ำ แต่เมื่อนำไปส่องไฟแบลคไลท์จะเห็นเป็นเส้นไหมเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วกระดาษ นี้คึอลักษณะพิเศษเพื่อป้องกันการปลอมแปลง โรงพิมพ์แห่งนี้มีกำลังผลิตอยู่ที่ 12 ล้านฉบับต่อวัน หรือพิมพ์ได้นาทีละ 9,600 ฉบับ

ที่แต่ละวันต้องพิมพ์จำนวนมากขนาดนี้ก็เพราะว่าในแต่ละงวดมีระยะเวลาจำหน่ายแค่เพียง 15 วันเท่านั้น จึงต้องใช้เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่จำนวนกว่า 3 เครื่องจากประเทศเยอรมันนีและญี่ปุ่น สมัยก่อนเมื่อเราพิมพ์สลากเริ่มแรกเลย เราใช้ numbering box ในการผลิตสลาก

แล้วได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้มีการใช้ระบบอิงเจ็ทเข้ามายิงสลาก ระบบอิงเจ็ทคือข้อมูลแปรเปลี่ยนได้ จะพิมพ์ได้เร็วขึ้น ไวขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้นในการพิมพ์สลากครั้งนี้ สำหรับการพิมพ์สลากจะต้องพิมพ์ไว้ล่วงหน้าสองเดือนหรือสี่งวด ในระหว่างที่เครื่องกำลังพิมพ์สลากก็จะมีจอมอนิเตอร์ที่คอยแสดงผลการพิมพ์

โดยการเรียงเลขจะเริ่มตั้งแต่เลข 9 เรียงกันไป 6 ตัว และค่อยๆลดลงจนไปถึงใบสุดท้ายนั่นก็คือเลข 0 ที่เรียงกัน 6 ตัว เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วจะต้องผ่านการตรวจสอบหาข้อผิดพลาดระหว่างการพิมพ์ถ้าพบตำหนิจะนำไปทำร้ายทิ้งทันที

จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการตัด เย็บเพื่อแบ่งเป็นเล่ม ๆ โรงพิมพ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังรับจากพิมพ์จากภายนอกที่ผ่านมาได้รับจากพิมพ์คูปองค่าผ่านทางพิเศษ ตั๋วขสมก รถทัวร์ และสลากกาชาดเป็นรายได้เพิ่มเติมให้กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยฮานอย