เมื่อวันที่ 17 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2564 นางอรุณรัตน์ซึ่งมีอาชีพเป็นคุณครูประจำโรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่หรือที่เรียกกันว่า กศน. ได้นำลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 2 ฉบับไปติดต่อที่สถานีตำรวจ สภ. หนองเรือ เพื่อทำการลงบันทึกประจำวันเอาไว้ว่าตนเองนั้นถูกรางวัลที่ 1 โดยติดต่อช่วงเวลาประมาณ 09:00 น. ของวันดังกล่าว
สำหรับ นางสาวอรุณรัตน์นั้นปกติแล้วจะมีการซื้อลอตเตอรี่เป็นประจำโดยจะมีแม่ค้าขาประจำที่คอยขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้โดยแม่ค้าคนดังกล่าวนั้นมักจะนำลอตเตอรี่มาส่งให้ถึงที่บ้านเลยทีเดียวซึ่งงวดดังกล่าวที่นางสาวอรุณรัตน์ถูกลอตเตอรี่ก็เช่นเดียวกัน
โดยนางสาวอรุณรัตน์นั้นได้มีการซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย 87 เอาไว้เนื่องจากชอบเลขนี้อยู่แล้วและก่อนหน้าที่จะมีการซื้อลอตเตอรี่ลูกชายของนางอรุณรัตน์ซึ่งเป็นเด็กผู้ชายมีอายุเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้นมักจะบอกกับนางอรุณรัตน์อยู่เสมอว่านางอรุณรัตน์จะถูกลอตเตอรี่งวดนี้และยังถูกรางวัลที่ 1 อีกด้วย
หลังจากที่นางอรุณรัตน์ซื้อลอตเตอรี่และตรวจรางวัลแล้วพบว่าตนเองถูกรางวัลที่ 1 ก็ดีใจมากโดยนางอรุณรัตน์และคนในครอบครัวนั้นเชื่อว่าลูกชายของเธอนั้นให้โชคเรื่องจากว่าโดยปกติแล้วลูกชายของเธอหากพูดอะไรออกมาก็มักจะเป็นจริงตามนั้นทุกครั้งซึ่งเธอมักจะสังเกตเห็นว่าลูกชายของเธอพูดในลักษณะแบบนี้มาหลายครั้งแล้วและก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตรงกับที่ลูกชายของเธอพูดมาโดยตลอด
โดยลูกชายของนางอรุณรัตน์นั้นเกิดจากการที่นางอรุณรัตน์ไปบนบานศาลกล่าวหลวงพ่อพระใสเพื่อขอพรให้มีลูกโดยหลวงพ่อพระใสนั้นเป็นหลวงพ่อที่มีคนนับถือมากในจังหวัดหนองคายอย่างไรก็ตามหลังจากที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 นี้นางอรุณรัตน์บอกว่าจะมีการพาลูกชายและทุกคนในครอบครัวไปกราบไหว้พระธาตุพนมได้มีการสัญญากับลูกชายเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะถูกรางวัลที่ 1 แล้วว่าถ้าหากถูกรางวัล นางอรุณรัตน์ก็จะพาลูกชายไปกราบพระธาตุพนมนั่นเอง
นอกจากนี้เงินรางวัลที่ได้มา 12 ล้านบาทนี้เธอจะนำไปใช้หนี้ที่ตนเองติดหนี้อยู่ในตอนนี้และจะนำเงินบางส่วนไปทำบุญด้วยการสร้างเมรุวัดป่าประปาโสซึ่งวัดแห่งนี้นั้นยังขาดแคลนเมรุสำหรับใช้ในการเผาศพโดยวัดป่าประภาโสนั้นจะอยู่ที่ตำบลบ้านผือจังหวัดหนองคายส่วนเงินที่เหลือนั้นก็จะเก็บเป็นเงินสำหรับเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายและเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกชายของเธอนั่นเอง
สนับสนุนโดย. แทงหวย