ระบบย่อยอาหาร สำคัญขนาดไหน

ระบบย่อยอาหาร เป็นระบบที่สำคัญของร่างกายอีกระบบ แต่ทุกคนก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป ระบบย่อยอาหารแท้จริงแล้วควรที่จะใส่ใจมันเพราะว่าทุกสิ่งที่ทานเข้าไปต้องได้รับการย่อย และดูดซึมอย่างเป็นระบบ หากเกิดความผิดปกติของอวัยวะที่ใช้ในการย่อยอาหารก็จะส่งผลให้ระบบทำงานขัดข้อง จะส่งผลเสียต่อร่างกายมากมาย และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

สังเกตอย่างไรว่าระบบย่อยอาหารมีปัญหา
หากคุณกำลังประสบปัญหากชหรือเป็นอาการที่จะพูดถึงต่อไปนี้ ขอให้ทราบว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่เริ่มบ่งบอกว่าระบบย่อยอาหารของคุณอาจมีปัญหา

1. ปวดท้อง
อาการปวดท้องถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนส่วนใหญ่ โดยที่ไม่ทันใส่ใจมันว่าอาจจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น เพราะว่าความผิดปกติเหล่านี้มักหายไป แต่ใครที่ปวดท้องที่เดิมบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหา หรือโรคร้ายอะไรบางอย่างได้

• ปวดท้องด้านขวาตอนบน อาจเกิดจากโรคตับ และถุงน้ำดี
• ปวดท้องบริเวณใต้ซี่โครง อาจเกิดขึ้นพร้อมกับอาการแสบกระเพาะอาหาร จึงอาจเป็นโรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบ และบางครั้งโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้
• ปวดท้องส่วนกลาง อาจเป็นโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ และอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ เพราะมักมีอาการปวดท้องที่บริเวณนี้ก่อน แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง
• ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร ก็อาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ
• ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน หรืออาการอักเสบของลำไส้
• ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง หากมีอาการปวดและคลายสลับกัน พร้อมกับอาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงผนังที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรือมีความผิดปกติ เช่น ถุงน้ำ หรือเนื้องอกที่รังไข่ หรือมดลูก

2. ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด
อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียดท้องหลังรับประทานอาหารก็คงเป็นเรื่องปกติของคนสมัยนี้ เพราะได้อาหารที่หลากหลาย กับกิจวัตรที่เร่งรีบทำให้ไม่ทันได้ฉุกคิด แต่จริงๆ แล้ว หากมีอาการเหล่านี้มากๆ ท้องอาจจะเกิดการเกร็งได้ และอาจมีอาการข้างเคียงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เรอบ่อย เรอเหม็นเปรี้ยว ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น หรือท้องผูก และท้องเสียร่วมด้วย ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะยังคงรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ลด และส่วนมากมักมีน้ำหนักเกิน อาการเหล่านี้หากเป็นบ่อยๆ อาจสันนิษฐานว่ากระเพาะอาหาร หรือลำไส้ทำงานไม่ปกติ

3. กลืนลำบาก
หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการกลืนอาหารได้ลำบากมากขึ้น แสดงว่าอาจจะก้อนเนื้อเกิดขึ้นในหลอดอาหาร ซึ่งอาจจะเป็นก้อนมะเร็งในทางเดินอาหาร หรือหลอดอาหารได้ แต่อาจเป็นเพราะระบบการเคลื่อนไหวของหลอดอาหาร หรือระบบประสาททำงานไม่ดีได้ด้วยเช่นกัน หากกลืนอาหารประเภทของแข็ง เช่น เนื้อสัตว์ แล้วติด โดยเฉพาะตรงกลางอก อาจสันนิษฐานว่ามีก้อนเนื้อ หรือก้อนมะเร็งอยู่ในหลอดอาหาร หรือบริเวณใกล้เคียง แต่หากกลืนอาหารทั้งของเหลว และของแข็งได้ลำบากตั้งแต่ต้น อาจเกิดจากการบีบตัวไม่เป็นจังหวะของหลอดอาหาร อาการนี้อาจเป็นๆ หายๆ ได้เช่นกัน

4. แสบกลางอก
หากพบว่ามีอาการแสบกลางอกในตอนกลางคืน อาจประเมินได้ว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากหูรูดที่หลอดอาหารปิดไม่สนิท กรดที่ไหลย้อนขึ้นมานี้อาจทำให้อักเสบ เป็นแผล หรือเลือดออกได้ อาการชัดเจนคือ แสบร้อนกลางอก และจะมีอาการดังกล่าวในเวลานอนตอนกลางคืน เวลานอนอาจจะมีอาการไอ สำลัก หอบ ซึ่งอาจทำให้นึกว่าเป็นโรคปอด โรคหัวใจ แต่ไม่ใช่ ดังนั้นหากมีอาการแสบกลางอกในช่วงเวลากลางคืนต้องนึกถึงกรดไหลย้อนเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตามอาการแสบที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากกาที่ทานอาหารมื้อหนักมา แล้วไปยกของหนัก หรือไม่ได้นั่งให้อาหารย่อยก่อน ดันนอนเลยแล้วนอนหงายขึ้น อาจจะเกิดการไหลของกรดย้อนขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบได้เช่นกัน

หากอาการผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อย มากกว่า 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ หรือมีอาการเป็นๆ หายๆ บ่อยเกินไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดจากแพทย์ เพราะหากปล่อยอาการนี้ไว้นานวันเข้าจะลุกลามเรื่อยๆ โดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้รักษายากขึ้น และไม่หายขาดได้